27-12-2021
ปี 2022 องค์กรในโลกใหม่ปรับตัวกันอย่างไร เมื่อเทรนด์เทคโนโลยีใหม่กำลังมาช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ ต้องยอมรับว่าเรื่องของ “Metaverse” กลายเป็นประเด็นฮิตติดกระแสไปทุกวงสนทนา และในขณะเดียวกัน องค์กรธุรกิจไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กก็จะเริ่มได้รับรู้คำใหม่ ๆ อย่าง Cybersecurity Mesh, Data Fabric มาพร้อมกันด้วย ในปี 2022 ที่กำลังจะก้าวเข้ามาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็จะมีเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อภาคธุรกิจองค์กรและจะส่งผลต่อเนื่องไปอีก 3 – 5 ปีข้างหน้า บริษัทเทคโนโลยีและที่ปรึกษาขนาดใหญ่อย่าง Gartner ได้วิเคราะห์ว่าเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ที่จะเข้ามา จะสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อภาคธุรกิจองค์กรอย่างแน่นอน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 มิติด้วยกัน คือ
มิติที่ 1 Trust – สร้างการเชื่อมต่อทางดิจิทัลที่เชื่อถือได้
นับจากปี 2022 เป็นต้นไปการสร้างความน่าเชื่อถือในเชิงวิศวกรรมของข้อมูลจะกลายเป็นเรื่องที่จำเป็น ทุกองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ต้องปูพื้นฐานความเข้าใจกันก่อนว่าโลกธุรกิจในวันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังของ “Data” ก็จริง แต่ทว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่จะสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในเชิงธุรกิจนั้นก็มีกระจัดกระจายออกไปในหลายแพลตฟอร์ม นั่นส่งผลให้องค์กรธุรกิจไม่สามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ และการที่จะทำให้ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์อย่างแท้จริงกับภาคธุรกิจ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการ “รวมศูนย์ข้อมูล” ซึ่งไม่ใช่แค่การรวบรวมเอาไว้ในจุดเดียว แต่จะต้องมีการบูรณาการข้อมูลเหล่านั้นให้เกิดความเชื่อมโยงต่อเนื่องกันจนเป็นหนึ่งเดียวด้วย
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้นเช่น
ข้อมูลทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย และมักจะถูกจัดเก็บแยกหมวดหมู่ไปคนละแบบ เก็บคนละแพลตฟอร์ม แต่ในความเป็นจริงแล้วชุดข้อมูลแต่ละกลุ่มที่กล่าวมานี้ “มีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกัน” หากมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการบูรณาการรวมศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ก็จะทำให้องค์กรธุรกิจสามารถคาดการณ์หรือมองภาพใหญ่ของตลาดได้เลยทันที และไม่เพียงแต่จะมองภาพใหญ่ของตลาดได้เท่านั้น ยังช่วยทำให้องค์กรตัดสินใจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วทันต่อตลาด และลดขั้นตอนกระบวนการทำงานที่ไม่จำเป็นลงไปได้มากอีกด้วย
ในขณะเดียวกันข้อมูลที่จะถูกรวบรวมและบูรณาการเข้ามา ก็จะต้องเป็นข้อมูลที่ปลอดภัยมั่นใจได้ว่าไม่มีช่องโหว่ให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ได้ องค์กรธุรกิจชั้นนำในปัจจุบันจึงให้ความสำคัญกับการเลือกสถาปัตยกรรมทางเทคโนโลยี ที่มีความแข็งแกร่งด้าน Cybersecurity เพื่อให้ข้อมูลที่รวบรวมมาประมวลผลนั้นปลอดภัยมั่นใจได้อย่างแท้จริง เพราะเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลนั้นส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นขององค์กร กระทบต่อ แบรนด์ของบริษัท และทำให้ผู้บริโภคหมดความเชื่อมั่นศรัทธาในแบรนด์ได้เลย
นั่นจึงทำให้นับจากนี้ไปองค์กรธุรกิจชั้นนำจะให้ความสำคัญกับเรื่อง สถาปัตยกรรมไอทีมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างรากฐานทางเทคโนโลยีสำหรับการเชื่อมต่อทางดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและปลอดภัย อันจะทำให้องค์กรสามารถเลือกลงทุนโครงสร้างได้อย่างคุ้มค่าและช่วยให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าขององค์กรยังคงไว้วางใจในองค์กรเหมือนเดิมหรือมากขึ้นกว่าเดิม
มิติที่ 2 Change - เพิ่มความยืดหยุ่นให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง
บริบทของโลกธุรกิจในยุคดิจิทัลมีเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีและโซลูชันต่าง ๆ เพื่อให้ระบบการประมวลผลมีความรวดเร็ว ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ ระบบต่าง ๆ จะต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในปัจจุบันหลาย ๆ องค์กรกำลังเจอกับปัญหาการเลือกสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีและโซลูชันด้านไอทีที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจขององค์กร นั่นจึงกลายเป็นอุปสรรคทำให้นักพัฒนาแอปพลิเคชันหรือผู้พัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ เกิดข้อจำกัด ไม่สามารถที่จะพัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ตามความประสงค์ที่ต้องการ หรือสามารถทำได้ แต่เวลาเกิดปัญหาก็เข้าไปแก้ไขจัดการกับปัญหาได้ยาก สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่ใหญ่เพราะส่งผลให้องค์กรไม่สามารถสร้างสินค้าหรือบริการมาสนองตอบความต้องการของตลาดได้ หากทำได้ก็ต้องใช้เวลามากขึ้น ทำให้ไม่ทันต่อเทรนด์ความต้องการ ท้ายที่สุดแล้วก็จะกลายเป็นการเสียโอกาสทางธุรกิจไป
แต่จากนี้เป็นต้นไป องค์กรธุรกิจชั้นนำจะหันมาให้ความสำคัญกับการพิจารณาเลือกสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีและโซลูชันด้านไอทีที่มีความยืดหยุ่นสูง ต้องเป็นระบบที่สามารถที่จะแยกส่วนและนำมาประกอบใหม่ได้ สามารถเลือกขนาดหรือปรับแต่งประสิทธิภาพการทำงานต่าง ๆ ได้เองตามความต้องการ ความยืดหยุ่นที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้องค์กรธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้มีความสามารถที่สูงขึ้นได้ การตัดสินใจ การควบคุมระบบเครื่องจักร การสุ่มเลือกข้อมูลสินค้าบริการมานำเสนอกับลูกค้าก็จะดียิ่งขึ้น เมื่อองค์กรมีระบบที่ยืดหยุ่นก็จะทำให้ทุกการตัดสินใจขององค์กรเป็นไปอย่างถูกต้อง คุ้มค่า ทันต่อสถานการณ์และมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
มิติที่ 3 Growth – ขยายและเติบโตแบบก้าวกระโดด
จากปัจจัยเรื่องโควิด 19 ที่ทำให้องค์กรธุรกิจต้องตัดสินใจปรับรูปแบบการทำงานแบบกระจาย ลดการกระจุก เพื่อลดการระบาดของโรค พนักงานในองค์กรต้องทำงานจากที่บ้าน (WFH) หรือทำงานแบบไฮบริด บวกกับปัจจัยในเรื่อง Digital Disruption ที่มีมาแต่เดิม สิ่งเหล่านี้กลายเป็นตัวกระตุ้นให้องค์กรธุรกิจต้องตัดสินใจลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น เมื่อองค์กรธุรกิจได้ตัดสินใจลงทุนนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาปรากฏว่า ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นไปในเชิงบวกต่อภาพรวมของธุรกิจ ในแง่ของพนักงานการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้เพราะองค์กรมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยรองรับและสนับสนุนการทำงานจากนอกออฟฟิศ ทำให้มีความสุขกับการทำงานมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานจึงดีขึ้น ก็ส่งผลเชิงบวกต่อองค์กร
ในอีกด้านหนึ่งหลังจากองค์กรนำเทคโนโลยีไอทีเข้ามาปรับใช้กับการทำธุรกิจ ก็กลายเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าเกิดความประทับใจต่อแบรนด์และองค์กรมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจแบรนด์แฟชั่นได้นำเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงเข้ามาปรับใช้ให้ลูกค้าได้มีโอกาสลองเสื้อผ้าผ่านเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาที่ร้าน หรือบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการเงินการลงทุน ก็นำเทคโนโลยีมาช่วยแนะนำที่ปรึกษาการลงทุนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ ๆ ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสะดวกไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานใหญ่และไม่ต้องเสียเวลารอคิวนัดหมาย อย่างนี้เป็นต้น อันจะเห็นได้ว่าองค์กรธุรกิจจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกลยุทธ์ธุรกิจแบบผสมผสาน คือ ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวกลาง ที่เชื่อมระหว่างแบรนด์ พนักงาน และลูกค้า เข้าหากัน เป็นการผสานประสบการณ์ของพนักงานและประสบการณ์ของลูกค้า จนเกิดประสบการณ์ใหม่ที่หลากหลาย สุดท้ายก็จะกลายเป็นข้อมูลชุดใหม่ที่องค์กรสามารถนำไปวิเคราะห์และปรับใช้ประโยชน์ในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ ๆ ได้
การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจเช่นนี้ องค์กรธุรกิจชั้นนำหลายแห่งพิสูจน์แล้วว่า ล้วนส่งผลในเชิงบวกต่อภาพรวมของธุรกิจ เทคโนโลยีช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลให้องค์กร จนสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างทันต่อสถานการณ์ สามารถลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นและช่วยให้องค์กรสร้างคุณค่าสูงสุดให้กับธุรกิจได้ ทำให้องค์กรขยายตัวและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
นี่คือ มิติทั้ง 3 ด้านที่จะเกิดขึ้นกับองค์กรธุรกิจในโลกใหม่ ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังเกิดขึ้น เพราะโลกในวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วและเทคโนโลยีดิจิทัลนี่เองที่เบื้องหลังที่ขับเคลื่อนทำให้โลกดูหมุนเร็วมากขึ้น สิ่งใหม่ ๆ ที่ล้ำหน้าเกิดขึ้นตลอด หากองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ปรับตัวช้าไปหนึ่งก้าวก็จะทำให้เสียโอกาสไปมากมาย
ในวันนี้หากองค์กรธุรกิจของคุณกำลังต้องการที่ปรึกษาและผู้ช่วยในการเปลี่ยนแปลงองค์กรไปสู่ความเป็นดิจิทัล เพื่อให้ทันต่อโลกและเทรนด์ของผู้บริโภคในโลกใหม่ AIS Business และ CSL ผู้ให้บริการชั้นนำด้าน ICT Service แบบครบวงจร พร้อมสร้างเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ด้วยการเร่งขับเคลื่อนดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันองค์กรของคุณ ด้วยเทคโนโลยีและการให้บริการดิจิทัลที่หลากหลายครบครัน โดยทีมงานที่ไว้ใจได้ในความสามารถอย่างมืออาชีพ เพื่อให้องค์กรของคุณก้าวไปอย่างมั่นคงและปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์โลก
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
"Your Trusted Smart Digital Partner"
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : business@ais.co.th
Website : https://business.ais.co.th