05-01-2022

5 เทรนด์เทคโนโลยี ที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจทั่วโลกภายในปี 2025

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกในยุคปัจจุบันขับเคลื่อนไปได้ด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีไอทีที่ส่งผลต่อการเติบโตและการอยู่รอดของภาคธุรกิจองค์กร วันนี้โลกดูจะหมุนเร็วขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงเร็ว ยิ่งโลกมีสถานการณ์โควิด 19 มาเป็นตัวเร่ง ยิ่งทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตผู้คน จนกระทั่งถึงการสร้างเทรนด์ใหม่ที่เปลี่ยนแปลงธุรกิจทั่วโลกได้เลย องค์กรใดที่ตอนนี้กำลังมองทิศทางการลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีสำหรับอนาคตข้างหน้า ลองมาดูกันดีกว่าว่า 5 เมกะเทรนด์เทคโนโลยีด้านไอทีที่น่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2025 จะมีอะไรกันบ้าง

1.เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูง

เรื่องนี้อาจไม่ไกลตัวจนเกินไป เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G หรืออุปกรณ์ที่เป็นระบบ IoT เริ่มมีใช้งานในภาคอุตสาหกรรมและองค์กรใหญ่ ๆ กันแล้ว จริงอยู่ว่าในช่วงระยะไม่กี่ปีนี้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงเหล่านี้จะยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Enterprise แต่ในปี 2025 เป็นต้นไป เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงเหล่านี้จะกระจายตัวไปสู่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และมีแนวโน้มว่าในปี 2030 เรื่องของการเชื่อมต่อด้วย 5G จะครอบคลุมประชากรถึงร้อยละ 80 ของประชากรโลก

จะเห็นว่าแนวโน้มของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงที่จะกระจายตัวไปทั่ว ต่อไปภาคครัวเรือนก็จะสามารถเข้าถึงได้จนเป็นเรื่องปกติไปเลยทีเดียว ดังนั้น นี่คือหนึ่งโอกาสการลงทุนอย่างหนึ่งขององค์กรกลุ่ม Enterprise และกลุ่มธุรกิจที่จะสามารถได้ประโยชน์จากการวางแผนลงทุนในเทคโนโลยีนี้ ก็จะมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่มใหญ่ ๆ นั่นคือ

1.1 ธุรกิจด้านโทรคมนาคม การให้บริการเรื่องสัญญาณ 5G ภาพการแข่งขันจะเป็นไปในเรื่องของความเสถียร ความเร็ว และความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ระบบ IoT

1.2 ธุรกิจด้านกีฬาและความบันเทิง เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงจะถูกนำมาใช้อัปเกรดการถ่ายทอดกีฬา โดยไม่ใช่เพียงการใช้สำหรับการถ่ายทอดสดไปยังทีวีหรือบนสตรีมมิ่งเท่านั้น แต่จะถูกนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพภายในสนามกีฬาสถานที่แข่งขันด้วย โดยอาจจะมีการวางระบบกล้องที่ใช้งานคู่กัน หรือใช้ร่วมกับเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) สำหรับการจับภาพผู้เล่นในสนามทำให้จับภาพได้รอบทิศทาง สามารถ Replay ภาพการแข่งขันได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงจะมีการใช้ในอุตสาหกรรมความบันเทิงมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการแสดงคอนเสิร์ต จะมีการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงมากขึ้น ทำให้การจัดคอนเสิร์ตเกิดมิติใหม่ ในปัจจุบันก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว แต่คาดว่าในอนาคตสิ่งเหล่านี้จะได้รับความนิยมมากขึ้น เรียกว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับชมความบันเทิงในทุกรูปแบบเลยนั่นเอง

1.3 ธุรกิจด้านคมนาคม ที่จะชัดเจนมากขึ้นก็คงจะเป็นเรื่องเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยบนท้องถนน รวมไปถึงการคมนาคมระบบราง ยกตัวอย่างในประเทศจีนได้มีการนำ 5G มาใช้สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยที่สถานีรถไฟ รวมไปถึงใช้เชื่อมต่อกับระบบรถไฟผ่านเทคโนโลยี IoT มีกล้องตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้โดยสารทำให้การให้บริการทุกอย่างเป็นไปอย่างอัตโนมัติมากขึ้น

2.ระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงในองค์กร 

องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ จะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของ Cloud และ Edge Computing กันมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถทำให้ระบบคอมพิวเตอร์และเรื่องของ Data Center ภายในองค์กรมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น ลดความซับซ้อน เกิดความคล่องตัวและสามารถบริหารจัดการได้สะดวกมากขึ้น มีการคาดการณ์กันว่าภายในปี 2022 เป็นต้นไป องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่จะเริ่มมีการกำหนดแผนการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กรกันใหม่ เพื่อปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่โตอย่างก้าวกระโดด และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่องค์กรเคยใช้มาแต่เดิม จะค่อย ๆ หายไปทีละน้อย โดยภายในปี 2025 ประมาณ 80% ขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีอยู่บนโลก จะมีระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ เทรนด์เทคโนโลยีนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านต่าง ๆ ดังนี้

2.1 กลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค การบริการด้านสาธารณูปโภคจะสะดวกและลดปัญหาได้มากขึ้น เมื่อระบบประมวลผลขององค์กรทำงานได้เร็วขึ้น จะทำให้องค์กรที่รับผิดชอบดูแลสามารถรู้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับระบบสาธารณูปโภคได้ก่อนและสามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที

2.2 กลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การวิเคราะห์วิจัยของสถาบันการศึกษาใหญ่ ๆ ระดับโลก จะได้รับประโยชน์ในเรื่องนี้อย่างมาก ระบบประมวลผลที่เร็วขึ้นจะช่วยทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญ ๆ เกี่ยวเนื่องกับคุณภาพชีวิตของผู้คน หรือการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะยกระกับคุณภาพชีวิตผู้คนได้รับคำตอบที่เร็วขึ้น

2.3 กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและการขนส่ง ในอีกไม่ช้าอุตสาหกรรมการผลิตจะเริ่มการติดตั้งระบบเซนเซอร์ไว้ในทุกกระบวนการของการผลิตสินค้า เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องของการผลิตและวัดคุณภาพของสินค้า หากว่ามีระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงเข้ามาช่วยประมวลผล ก็จะทำสินค้าที่ผลิตมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานมากขึ้น ลดความผิดพลาดและความเสียหายของสินค้าได้ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงการขนส่งไปถึงปลายทางเลยทีเดียว

3.Automation จะมีบทบาทกับอุตสาหกรรมมากขึ้น

เทรนด์นี้ก็จะเป็นผลสืบเนื่องมาจากเทรนด์ที่ 1 และ 2 เมื่อ 5G, IoT ถูกกระจายออกไป เป็นสิ่งที่องค์กรต่าง ๆ เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ก็จะทำให้เทคโนโลยีในกลุ่ม Automation เกี่ยวกับหุ่นยนต์ต่าง ๆ ถูกนำมาใช้กันมากขึ้น และจะมีบทบาทอย่างมากในกลุ่มงานที่ต้องมีระบบการทำงานแบบซ้ำ ๆ (Routine) โดยงานเหล่านี้จะถูกเคลื่อนย้ายไปเป็นหน้าที่ของหุ่นยนต์มากขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจสามารถสร้างสินค้าต่าง ๆ เข้าสู่ตลาดได้เร็วมากขึ้น มีการคาดการณ์กันว่าภายในปี 2025 จะมีอุปกรณ์ราว 5 หมื่นล้านชิ้นที่เกี่ยวข้องกับระบบอุตสาหกรรมสามารถที่จะเชื่อมต่อแบบ IoT ได้ และแน่นอนว่าเทรนด์เทคโนโลยีนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับ

  • ธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต
  • ธุรกิจยานยนต์
4.ก้าวเข้าสู่ยุค Quantum Computing

คาดการณ์กันว่าในปี 2025 เป็นต้นไประบบคอมพิวเตอร์ของโลกจะถูกเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปสู่ระบบใหม่แบบควอนตัม หรือ Quantum Computing ที่ระบบคอมพิวเตอร์จะฉลาดขึ้น มีความสามารถมากขึ้น ปัญหาทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ รวมไปถึงความลับทางสังคมของชีวิตมนุษย์อีกมากมายที่ยังรอคำตอบ จะเริ่มถูกไขปัญหาจากเทคโนโลยีนี้ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนได้ในทุกระดับ แต่กลุ่มแรก ๆที่จะสามารถใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้ได้ ก็คือ

  • กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่จะทำให้ระบบ Machine Learning มีความสมบูรณ์มากขึ้น ใช้ให้เทคโนโลยีตอบสนองมนุษย์ได้ดีมากขึ้นในหลากหลายมิติ
  • กลุ่มบริษัทด้านโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพภูมิอากาศ สภาพการจราจรและเส้นทางในการขนส่ง โดยระบบจะสามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับผู้ขนส่ง รวมไปถึงยังสามารถใช้กับโดรนเพื่อการขนส่งสินค้าไปถึงระดับครัวเรือนได้อย่างแม่นยำ       
5.หลาย ๆ กิจกรรมให้ AI ตัดสินใจแทน

สืบเนื่องจากข้อ 4 เมื่อ Machine Learning มีความสมบูรณ์ขึ้น AI ก็จะมีความสามารถมากขึ้น คือสามารถรับรู้ ตีความ และตัดสินใจที่จะดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น โดยที่การดำเนินการของ AI จะตอบสนองมนุษย์ได้ดีขึ้นกว่าในตอนนี้ นั่นทำให้มนุษย์สามารถมี Productivity ในงานด้านต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้นด้วย จากการคาดการณ์ภายในปี 2024 ร้อยละ 50 ของเครื่องมือต่าง ๆ ในด้านไอทีหรือที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไอที จะเริ่มดำเนินการด้วย AI กลุ่มงานที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ได้เลยก็มีตัวอย่างเช่น

  • กลุ่มงานเคมีภัณฑ์ บริษัทที่ทำธุรกิจในด้านนี้สามารถใช้ AI ในการช่วยระบุเชื้อต่าง ๆ ที่ก่อโรคในพืชได้ ทำให้สามารถผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์เกษตรได้ดีมากขึ้น
  • กลุ่มธุรกิจค้าปลีก AI จะช่วยสร้างประสบการณ์การณ์ชอปปิงแบบใหม่ที่ตอบสนองลูกค้าได้อย่างเข้าถึงมากขึ้น ตั้งแต่การช่วยเลือกสินค้าและนำเสนอสินค้าที่กลุ่มที่ผู้บริโภคต้องการ การช่วยแสดงตัวอย่างสินค้าที่ดูเสมือนจริงมากขึ้น เหล่านี้เป็นต้น

ทั้งหมดนี้คือ 5 เทรนด์เทคโนโลยี ที่คาดว่าจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจทั่วโลกภายในปี 2025 เป็นต้นไป ซึ่งคุณจะเห็นว่า การปรับตัวและให้ความสำคัญกับการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กร เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากที่จะทำให้องค์กรมีความพร้อมที่รับมือกับความเปลี่ยนแปลงและเทรนด์เทคโนโลยีที่จะเข้ามา ดังนั้น หากคุณต้องการมืออาชีพที่สามารถให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีสำหรับองค์กรเพื่อรองรับกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต AIS Business และ CSL พร้อมที่จะเป็นผู้ช่วยของคุณเสมอ ด้วยประสบการณ์การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบครบวงจรมากว่า 25 ปี จาก CSL  และ ผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศแก่ลูกค้าองค์กรมามากกว่า 30 ปี จาก AIS ที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งบริษัทเอกชน ทั้ง SME และองค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ในการเลือกใช้โซลูชันต่างๆ และด้วยโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชัน 5G ของ AIS ทำให้ลูกค้าองค์กรของเราสามารถก้าวเข้าสู่การแข่งขันในยุคดิจิตอลได้อย่างมั่นใจ

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
"Your Trusted Smart Digital Partner"
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่

Email : business@ais.co.th
Website : https://business.ais.co.th

Reference